หญิงไทยสองราย มีสิทธิ์โดนโทษประหารในอินโดฯ หลังขนยาไอซ์เกือบกิโล เข้าบาหลี

หญิงไทยสองราย มีสิทธิ์โดนโทษประหารในอินโดฯ หลังขนยาไอซ์เกือบกิโล เข้าบาหลี

เมื่อวันที่ 21 ต.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศุลกากรของบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า หญิงสัญชาติไทย 2 รายและชาวชาวฝรั่งเศสอีกหนึ่งราย อาจถูกตัดสินโทษประหารชีวิต หลังถูกจับกุมได้ขณะพยายามลักลอบนำยาเสพติดประเภทยาไอซ์เข้าบาหลีผู้ต้องหาที่เป็นชาวไทยนี้ ประกอบด้วย น.ส.เกศริน ขำขาว และ น.ส.สานิชา มณีทิศ 

ซึ่งได้เดินทางไปยังบาหลี โดยเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ก่อนเจ้าหน้าที่ในท่าอากาศยานนานาชาติของบาหลี ตรวจพบยาไอซ์ หนัก 958 กรัม ซุกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าหญิงทั้งสองราย และหากศาลตัดสินว่าทั้งสองมีความผิดก็อาจต้องโทษถึงขั้นประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า

ผู้ต้องหาอีกรายคือ นายโอลิเวอร์ โยแวร์ ชายชาวฝรั่งเศสนั้น ถูกจับกุมได้ภายหลังมีคนส่งพัสดุบรรจุโคเคน หนัก 22.5 กรัม จากฝรั่งเศส มาให้ โดยพัสดุดังกล่าวถูกตรวจค้นเมื่อส่งมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติ เจ้าหน้าที่พบที่อยู่ของนายโอลิเวอร์ ซึ่งระบุอยู่บนพัสดุ ก่อนจะเข้าจับกุม โดยคาดว่านายโอลิเวอร์อาจต้องโทษจำคุกเป็นระยะเวลายาวนาน หรืออาจได้รับโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิตเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีการจับกุมหญิงชาวรัสเซียอีกรายซึ่งพยายามลักลอบนำโคเคน หนัก 6.6 กรัม เข้าบาหลี ซึ่งถ้าศาลตัดสินว่ามีความผิดตามฟ้อง อาจจะได้รับโทษจำคุกนานถึง 15 ปี

ทั้งนี้ อินโดนีเซียนับเป็นหนึ่งในประเทศมุสลิมซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวกับการปราบปรามยาเสพติดที่เข้มงวดและมีโทษหนักมากที่สุดของโลก แม้ว่าโทษประหารชีวิตมักถูกลดโทษเหลือเพียงการจำคุกเป็นระยะเวลายาวนาน แต่ที่ผ่านมาก็ปรากฏว่าทางการอินโดนีเซียเคยทำการประหารชีวิตชาวต่างชาติที่กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดมาแล้ว

เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (19 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดฝนตกหนักเป็นเวลานานต่อเนื่อง ซึ่งต่อมาส่งผลให้เขื่อนแตกบริเวณเหมืองแร่ทองคำ แม่น้ำ Seiba ภูมิภาคไซบีเรียน ทางตอนใต้ของเมืองครัสโนยาสค์ (Krasnoyarsk) ประเทศรัสเซีย ทำให้มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อยรวม 13 ราย คนงานบาดเจ็บกว่า 14 คน ซึ่งมีจำนวน 3 รายที่อาการสาหัส โดยทั้งหมดได้ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลแล้ว

ด้านคณะกรรมาธิการด้านการสอบสวนของรัสเซีย ได้ออกมาเปิดเผยถึงความคืบหน้าของเหตุดังกล่าวว่า ขณะนี้มีคนงานในเหมืองแร่ทองคำที่สูญหายอีกกว่า 13 คน โดยเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการดำเนินการเร่งค้นหาและให้ความช่วยเหลือ

สยอง! พบศพ 39 ศพ ท้ายรถบรรทุกแช่แข็งใกล้กรุงลอนดอน

วันนี้ (24 ต.ค.) มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจประเทศอังกฤษตรวจสอบรถพ่วงรถบรรทุกต้องสงสัยคันหนึ่ง ภายในสวนอุตสาหกรรมวอเตอร์เกลด เมืองเกรย์ส เขตมณฑลเอสเซกซ์ สหราชอารณาจักร ห่างจากกรุงลอนดอนไปทางตะวันออกประมาณ 32 กิโลเมตรและพบศพที่ท้ายรถจำนวนมาก

โดยเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีจำนวยศพที่ถูกพบ 39 ศพ บรรจุอยู่ภายในตู้คอนเทนเนอร์เย็น ซึ่งทั้งหมดเป็นวัยรุ่น 1 ราย และผู้ใหญ่ 38 ราย ส่วนผู้ขับรถชื่อ โม โรบินสัน (Mo Robinson) อายุ 25 ปี จากเมืองพอร์ตาดาว์น มณฑลอาร์มาก์ ไอร์แลนด์เหนือ ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวฐานเป็นผู้ต้องสงสัยข้อหาฆาตกรรม

ตำรวจได้ตรวจสอบเส้นทางและเผยว่า คอนเทนเนอร์คันดังกล่าวถูกเคลื่อนย้ายมาทางแม่น้ำเทมส์ โดยเรือขนส่งที่มีต้นทางจากหมู่บ้านเซบรุกเกอ ในเบลเยียม ปลายทางไปเมืองเพอร์ฟลีต ในมณฑลเอสเซกซ์ โดยมาถึงที่ท่าเรือในเขตเทอร์ร็อก เวลาประมาณ 00.30 น. หลังจากนั้นราว 35 นาที รถพ่วงรถบรรทุกก็นำออกไป โดยรถพ่วงรถบรรทุกคันนี้จดทะเบียนที่เมืองวาร์นา ในบัลแกเรีย ภายใต้เจ้าของบริษัทสัญชาติไอริช ทางเจ้าหน้าที่คาดว่าเหยื่อไม่น่าที่จะเป็นชาวบัลแกเรีย

นายปิปปา มิลส์ รองหัวหน้าตำรวจเขตพื้นที่ ระบุว่า คดีนี้จะให้ความสำคัญกับเหยื่อผู้เสียชีวิตเป็นหลัก แต่คาดว่ากระบวนการสอบสวนในครั้งนี้จะค่อนข้างยาวนาน ขณะที่ทางสำนักงานอาชญากรรมแห่งชาติ ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปช่วยตรวจสอบและพิสูจน์ตัวตนศพ พร้อมทั้งระบุว่า อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาชญากรรม

ขณะที่ นายริชาร์ด เบอร์เนนต์ หัวหน้าผู้บริหารบรษัท Road Haulage Association สมาคมขนส่งสินค้าทางถนนในสหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า คอนเทนเนอร์ดังกล่าวน่าจะเป็นตู้เย็นที่มีอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า -25 องศาเซลเซียส หากคนอยู่ในนั้นก็ย่อมเป็นอันตรายถึงชีวิต

ด้าน นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเป็นโศกนาฏกรรมที่เหนือจินตนาการ และน่าเศร้าอย่างแท้จริง ขอภาวนาแด่ผู้เสียชีวิตและเป็นกำลังใจให้กับครอบครัวของเหยื่อผู้สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ทางรัฐบาลกลางจะประสานตำรวจท้องถิ่นเร่งติดตามและสอบสวนคดีนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป