ฮือฮา! ยานสำรวจจีน สามารถจับภาพ วัตถุปริศนาบนดวงจันทร์

กลายเป็นที่สนใจของชาวเน็ตเป็นอย่างมากหลังจากที่ ยานสำรวจจีน สามารถจับภาพ วัตถุปริศนาบนดวงจันทร์ ได้ คาดใช้เวลา 2-3 เดือนก่อนถึงที่หมาย เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม สำนักข่าว SCMP รายงานว่า ยานโรเวอร์สำรวจพื้นผิวอวี้ทู่-2 หรือ Yutu-2 ของประเทศจีนกำลังมุ่งหน้าสำรวจกระท่อมลึกลับ ซึ่งเป็นวัตถุปริศนา ตั้งอยู่ในซีกใต้ของด้านไกลของดวงจันทร์

โดยการสำรวจครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นหลังจากที่เจ้าหน้าที่สังเกตได้เห็นถึงวัตถุดังกล่าว 

ขณะที่กำลังตรวจสอบรูปภาพที่ถูกถ่ายโดย อวี้ทู่-2 โดยวัตถุนี้ ห่างออกไปทางเหนือราว 80 เมตร ขณะที่ยานกำลังข้ามแอ่งฟอน คาร์มาน ซึ่งมีสภาพเป็นแอ่งขนาด 180 กิโลเมตร และเมื่อนักวิทยาศาสตร์เห็นวัตถุประหลาดก็ได้แสดงความสนใจจนนำไปสู่การสำรวจในครั้งนี้

ยานโรเวอร์สำรวจพื้นผิวอวี้ทู่-2 มีความเร็วเฉลี่ยนน้อยกว่า 1 เมตร หากเทียบกับระยะเวลาหนึ่งวันของโลก คาดว่าจะใช้เวลาหลายเดือนก่อนที่ยานจะเดินทางถึงวัตถุปริศนานี้ ในขณะที่ต้องหลีกเลี่ยงแอ่งต่างๆ ที่สังเกตเห็นเป็นจุดๆ บริเวณด้านไกล

อวี้ทู่-2 ทำการลงจอดบนดาวจันทร์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2019 และได้รับมอบหมายให้ออกสำรวจพื้นที่รอบๆ แอ่งฟอน คาร์มาน

มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการค้นพบถึงวิธีการใหม่ในการ ระบุอัตลักษณ์ กระบือ โดยผ่านการใช้งานระบบ AI จดจำ และจำแนกลายจมูกของกระบือ ระบุอัตลักษณ์ กระบือ – ในขณะที่ “ชาวนา” เปรียบเหมือน”กระดูกสันหลังของชาติ” คอยปลูกข้าวเลี้ยงคนในชาติให้อิ่มท้อง “เจ้าทุย” หรือ “ควาย” เปรียบได้กับ”กระดูกสันหลังของชาวนา” อีกทีโดยเป็นทั้ง “เครื่องมือ” ในการทำนา และเป็น “เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก” ของชาวนามานับตั้งแต่ที่มีการใช้ควายไถนาเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลก 

ซึ่งกลุ่มบุคคลเหล่านี้คือกลุ่มนักวิจัยไทยที่เป็นกลุ่มบุกเบิก และไขความลับที่น่าอัศจรรย์ของธรรมชาติที่ว่า ในขณะที่ “คน” ใช้ “ลายนิ้ว” ในการระบุอัตลักษณ์ แต่กับ “ควาย” เพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของชาวนานี้ ใช้ “ลายจมูก” ในการระบุตัวตนที่แตกต่าง จากการทุ่มเททำวิจัยโดยได้สัมผัสจริงกับชีวิตแห่งท้องทุ่ง

โดยในปี 2564 ที่ผ่านมา รองศาสตราจารย์ ดร.วรพันธ์ คู่สกุลนิรันดร์ ได้ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างคุณูปการต่อวงการเกษตรไทย ด้วยการจำแนกเมล็ดพันธุ์ข้าวไทย จนสามารถคว้ารางวัลจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) 

มาในปี 2565 นี้ ผลงานนวัตกรรมของ รองศาสตราจารย์ดร.วรพันธ์ คู่สกุลนิรันดร์ สามารถสร้างชื่อคว้ารางวัลจากวช.ได้อีกครั้ง ในประเภทรางวัลผลงานวิจัย ระดับดี สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศและนิเทศศาสตร์ จากการใช้เทคนิค Machine Learning เพื่อการจดจำและระบุอัตลักษณ์ของ”กระบือปลัก” ซึ่งเป็นประเภทของควายที่พบมากที่สุดในประเทศไทย โดยเรียกชื่อสายพันธุ์ตามอุปนิสัยที่ชอบอยู่ในปลักโคลนตามท้องไร่ท้องนา

จากในอดีตของประวัติศาสตร์ปศุสัตว์โลกที่ผ่านมาได้มีความพยายามด้วยวิธีการต่างๆ นานาที่จะจำแนก และระบุอัตลักษณ์ของปศุสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น

ซึ่งล้วนเป็นการทรมานสัตว์ ทำให้สัตว์ต้องได้รับความเจ็บปวด จากมากมาหาน้อย 

แม้วิธีการฝังไมโครชิพจะเป็นวิธีล่าสุดที่ทำให้สัตว์เจ็บน้อยที่สุด แต่กลับพบอุปสรรค ขาดความคล่องตัวจากการที่จะต้องอาศัยฮาร์ดแวร์ในการอ่านข้อมูล

ด้วยเทคนิคการใช้ Machine Learning เพื่อการจดจำและระบุอัตลักษณ์ของ “กระบือปลัก” โดยใช้วิธีการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ “ลายจมูก” ที่ได้รับการค้นพบนี้ นอกจากจะไม่ทำให้สัตว์เจ็บแล้ว ยังสามารถพัฒนาต่อยอดโดยใช้เป็นแพลตฟอร์มในการจดจำและระบุอัตลักษณ์ของสัตว์เศรษฐกิจประเภทอื่นๆ ต่อไปได้อีกในอนาคต

นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รองศาสตราจารย์ ดร.วรพันธ์ คู่สกุลนิรันดร์ ยังได้เป็น 1 ใน 39 นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ที่มีผลงานวิจัยซึ่งได้รับการอ้างอิงเป็นร้อยละ 2 ของนักวิทยาศาสตร์โลก จากการจัดอันดับโดยมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด สหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2564 (World’s Top2% Scientists by Standford University 2021) ที่ผ่านมาอีกด้วย

เพื่อรองรับอนาคตแห่งการสร้างสรรค์สังคมและเศรษฐกิจไทยสู่ประเทศแห่งนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ยังได้มีนโยบายที่จะให้การสนับสนุนนักศึกษาและบุคลากรซึ่งเป็น”อัจฉริยะทาง IT” เช่นเดียวกับ รองศาสตราจารย์ ดร.วรพันธ์ คู่สกุลนิรันดร์ ได้มี “AI Center” เพื่อการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดสู่การบรรลุเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) แห่งสหประชาชาติ ข้อที่ 12 ซึ่งว่าด้วยการบริโภคและการผลิตด้วยความรับผิดชอบ(Responsible Consumption and Production) ซึ่งรวมถึงการใช้ทรัพยากรร่วมกันให้เกิดประโยชน์สูงสุดอีกด้วย

โดย “AI Center” จะเป็นศูนย์กลางซึ่งใช้พื้นที่ของอาคารคณะเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT) มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา เพื่อการรองรับเครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยี  AI ขั้นสูงสู่การสร้างสรรค์ เพื่อสนับสนุนการผลิตผลงานวิจัยและนวัตกรรมของมหาวิทยาลัยมหิดลร่วมกันในหลากหลายสาขา ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศได้ต่อไป

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป